Hotline : 02 315 9133

Antioxidants

    ในปัจจุบัน เราจะเห็นคำโฆษณาสินค้าว่า อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สารสกัดจากผักและผลไม้ อาหารเสริม รวมไปทั้งเครื่องสำอาง นานาชนิด แต่จะมีคนสักกี่คนที่เข้าใจว่า สารต้านอนุมูลอิสระคืออะไร การที่เราจะเข้าใจคำว่า สารต้านอนุมูลอิสระ คงต้องเริ่มจากความรู้ว่า อนุมูลอิสระคืออะไรเสียก่อน

            อนุมูลอิสระ คือสารที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาสันดาปของ ออกซิเจนภายในร่างกาย กลายเป็นสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย คล้ายคลึงการการทำปฏิกิริยาของออกซิเจนกับเหล็ก ที่ส่งผลให้เหล็กขึ้นสนิม หรือตัวอย่างเช่น เวลาเราปอกแอบเปิ้ลทิ้งไว้ให้ถูกอากาศ และมีการเปลี่ยนสี ก็เป็นเพราะอนุมูลอิสระที่เกิดจากที่ออกซิเจนทำปฏิกิริยากับเนื้อแอบเปิ้ล รวมถึงการที่น้ำมันที่ถูกเก็บไว้นาน ๆ แล้วมีกลิ่นหืน ก็เป็นผลจากการทำปฏิกิริยากับน้ำมันกับออกซิเจน ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระเช่นกัน

            อนุมูลอิสระมีอยู่หลายชนิด ทุกครั้งที่ร่างกายเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงาน ออกซิเจนจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า ซูเปอร์ออกไซด์ (superoxide)  ซึ่งมีอันตราย ร่างกายจึงต้องมีกลไกในการป้องกัน และกำจัด ซูเปอร์ออกไซด์ ซึ่งต้องเริ่มจาก วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ร่างกายได้รับจากอาหาร นอกจากนั้น ร่างกายยังมีเอนซัยม์หลายขั้นตอน ที่ช่วยเปลี่ยนซูเปอร์ออกไซด์ที่มีอันตรายนี้ ให้กลายเป็นน้ำและออกซิเจน การที่เอนซัยม์เหล่านี้ จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีสารอาหารที่จำเป็น อันได้แก่ กลูต้าไธโอน วิตามินบี 2 สังกะสี และซีลีเนียม

            อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า อนุมูลอิสระทุกชนิดจะมีโทษไปเสียทั้งหมด เซลล์หลอดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดขาว จะสร้างอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ ที่เรียกว่า ไนตริค ออกไซด์ เซลล์หลอดเลือดใช้ไนตริค ออกไซด์ เพื่อช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด และลดความดัน ซึ่งเป็นกลไกเดียวกันกับการที่ ยาไวอะกร้า (Viagra) ถูกนำมาใช้เป็นยาขยายหลอดเลือดเฉพาะที่ นอกจากนั้น เซลล์เม็ดเลือดขาว ยังฟสร้างไนตริค ออกไซด์เพื่อใช้ในการกำจัดเชื้อโรค และช่วยในการฆ่าเซลล์มะเร็ง  จึงมีคนเข้าใจผิดว่า การกินอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ จะทำให้เราเป็นมะเร็ง แต่ความจริงแล้ว อนุมูลอิสระ เป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์เสื่อม แก่ ตาย และกลายพันธุ์เกิดเป็นเซลล์มะเร็งขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระจึงมีบทบาท ที่จะช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำร้าย และป้องกันการเกิดมะเร็ง ดังนั้น เราจึงควรเลือกรับประทานอาหารธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และอาจพิจารณากินอาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระอย่างถูกหลักตั้งแต่วันนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในอนาคต เพราะหากปล่อยจนเซลล์ในร่างกายกลายพันธุ์เป็นมะเร็งไปแล้ว ค่อยมาตัดสินใจกินสารต้านอนุมูลอิสระ ก็คงจะสายเกินไปและอาจเป็นโทษ

            อนุมูลอิสระ อีกชนิดหนึ่งที่เกิดจากพิษของแสงแดด มีชื่อว่า ซิงเกลท ออกซิเจน เนื่องจากอวัยวะที่ได้รับผลกระทบจากแสงแดดมากที่สุดนั้นคือ ผิวหนัง และดวงตา เราจึงพบว่า คนที่ขาดวิตามินเอ จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น และมีปัญหาฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย เราสามารถป้องกัน ซิงเกลท ออกซิเจน ได้ด้วยสารกลุ่ม คาโรตีนอยด์ หรือที่เรารู้จักกันในนามวิตามินเอ สารกลุ่มนี้ จะพบอยู่ในอาหารที่มีสีส้มเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด มะเขือเทศ สับปะรด และมะละกอ เป็นต้น ซึ่งภายหลังการรับประทาน จะพบความเข้มข้นสูงอยู่ที่ผิวหนัง และจอรับภาพ ทำให้คนที่กินอาหารที่มีส้มเหลืองจำนวนมาก ๆ อาจมีสีผิวออกเหลืองส้ม ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นโรคดีซ่าน ซึ่งวิธีแยกโรคก็คือให้ดูที่ตา คนที่เป็นโรคดีซ่าน ตาขาวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว แต่ในคนที่มีผิวเหลืองจากการรับประทานอาหารที่มีปริมาณคาโรตีนอยด์สูง จะไม่มีตาเหลือง และผิวพรรณ ที่ถึงแม้จะดูเหลือง แต่ก็เป็นผิวพรรณที่มีคุณภาพ ไม่มีริ้วรอย ด้วยเหตุผลดังกล่าว อาหารที่มีคาโรตีนอยด์สูงเหล่านี้ จึงจัดเป็นอาหารที่บำรุงผิว และสายตา ในปัจจุบัน จึงมีการใช้ สารสกัดอาหารเสริมในกลุ่มนี้มาวางขาย เช่น  ลูติอีน ซีแซนทีน ไลโคปีน และแอสต้าแซนธีน

            ในบรรดาสารอาหารกลุ่มคาโรตีนอยด์ ตัวที่ได้รับการพิสูจน์ว่า มีประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือ แอสต้าแซนทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสีส้ม ที่พบในปลาแซลมอน หรือกุ้ง อย่างไรก็ตาม การรับประทานปลาแซลมอนเพื่อให้ได้สารแอสต้าแซนทีนนั้น ไม่ค่อยมีประโยชน์ เพราะสีส้มของปลาแซลมอนที่มีขายอยู่ตามซูเปอร์มาร์เกต เกิดจากการได้รับการเลี้ยงด้วยสารแอสต้าแซนทีนสังเคราะห์ ซึ่งมีโครงสร้างที่แตกต่างจากแอสต้าแซนทีนธรรมชาติ และไม่มีประโยชน์ในการป้องกัน ซิงเกลท ออกซิเจน ซึ่งต่างจากปลาแซลมอน ที่อยู่ตามธรรมชาติ (wild salmon) ที่ได้รับสารแอสต้าแซนทีนจากการกินสาหร่ายสีแดง ที่มีอยู่ในท้องทะเลลึก ดังนั้น จึงได้มีการนำสาหร่ายสีแดง ที่มีชื่อว่า Haematococcus Pluvialis มาเพาะเลี้ยง เพื่อใช้เป็นอาหารเสริม ซึ่งได้รับการพิสูจน์ด้วยงานวิจัยอย่างต่อเนื่องว่า มีคุณสมบัติในการป้องกันผิวพรรณจากความชรา ช่วยป้องกันการอ่อนล้าของดวงตา รวมทั้งการชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ  ของร่างกายที่เป็นผลมาจาก อนุมูลอิสระ อีกด้วย

ที่มา  ดร.นพพัฒนา เต็งอำนวย